ดาวพลูโต( Pluto)เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกลจาก ดวงอาทิตย์ มากที่สุด และมีขนาด เล็กมาก
ประวัติดาวพลูโต
.....ในเทพนิยายโรมัน พลูโตเป็นเทพเจ้าแห่งเมืองบาดาลซึ่งดาวพลูโตได้ชื่อนี้ คงเป็นเพราะมันอยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์มากและได้รับแสงน้อย ดาวพลูโตถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2473 โดยบังเอิญ ดาวพลูโตเป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวที่ไม่เคยมีการส่งยานอวกาศไปสำรวจแม้แต่กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ยังทำการสำรวจรายละเอียดไม่ได้มาก เรายังไม่ทราบขนาดรัศมีของที่แท้จริงดาวพลูโตแต่ NASA ประมาณว่าเท่ากับ 1,127 ก.ม. นักวิทยาศาสตร์บางคนคิดว่า เราควรจะจัดประเภทของดาวพลูโตเป็นดาวเคราะห์น้อยหรือดาวหาง มากกว่าที่จะเป็น ดาวเคราะห์บางคนก็ว่าเราควรจะพิจารณามันเป็นวัตถุที่ใหญ่ที่สุดใน แนวเข็มขัดคุยเปอรของดาวเนปจูน แต่ในปัจจุบันมนุษย์เรายังถือว่า ดาวพลูโตเป็นเทหวัตถุประเภทดาวเคราะห์
วงโคจร: 5,913,520,000 ก.ม. จากดวงอาทิตย์
เส้นผ่านศูนย์กลาง: 2274 ก.ม.
มวล: 1.27 x 1022 ก. ก.
....วงโคจรของดาวพลูโตรีมาก และ ดาวพลูโตหมุนรอบตัวเองในทิศทางที่ตรงข้ามกับดาวเคราะห์ดวงอื่น อุณหภูมิที่พื้นผิวยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ประมาณว่าอยู่ระหว่าง 35 - 45 เคลวิน (-228 ถึง -238 C)
....เรายังมิทราบองค์ประกอบของดาวพลูโตที่แน่ชัด แต่ค่าความหนาแน่นอยู่ที่ประมาณ 2 กรัม/ลูกบาศก์เซนติเมตร โดยอาจมีส่วนผสมเป็นหิน 70% น้ำแข็ง 30% คล้ายกับดวงจันทร์ทายตันของเนปจูน บริเวณพื้นที่สว่างอาจปกคลุมด้วยน้ำแข็งไนโตรเจน ผสมกับมีเทนและคาร์บอนโมนอกไซด์แข็ง บริเวณที่เป็นสีคล้ำยังไม่มีข้อมูล บางทีมันอาจจะเป็นองค์ประกอบของวัตถุในยุคแรก หรือปฏิกริยาโฟโต้เคมี ซึ่งถูกขับโดยรังสีคอสมิก
....ดาวพลูโตมีบรรยากาศเล็กน้อย องค์ประกอบหลักอาจเป็นไนโตรเจน และมีคาร์บอนโมนอกไซด์และมีเทนจำนวนเล็กน้อย บางครั้งบรรยากาศ ของดาวพลูโตเป็นก๊าซ แต่ส่วนมากแล้วบรรยากาศจะแข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็ง
บริวารของดาวพลูโต
แครอน เป็นดวงจันทร์บริวารดวงเดียวชองดาวพลูโต
....แครอนถูกค้นพบเมื่อ พ.ศ.2521 แครอนจัดเป็นดวงจันทร์ขนาดใหญ่ที่สุด บางคนคิดว่าดาวพลูโตและแครอนควรจะเป็นดาวเคราะห์คู่ มากกว่าที่จะเป็นดาวเคราะห์กับดวงจันทร์ ขนาดของแครอนยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดแต่ NASA ประเมินว่าควรจะอยู่ในราว 586 ก.ม. แครอนมีความหนาแน่นต่ำ ราว 2-3 กรัม / ลบ.ซม. แครอนไม่มีคุณสมบัติในการสะท้อนแสงได้ดีเหมือนพลูโตแค รอนอาจเป็นผลจากการกระแทกระหว่างดาวพลูโตกับเทหวัตถุอื่น ในลักษณะเดียวกันกับการเกิด ดวงจันทร์ของโลกเรา

ระยะห่างจากดวงอาทิตย์ | โดยเฉลี่ย 5,900 ล้านกิโลเมตร(39.5 a.u.) ใกล้สุด 4,425 ล้านกิโลเมตร (29.65 a.u.) ไกลสุด 7,375 ล้านกิโลเมตร (49.28 a.u.) |
Eccentricity | 0.248 |
คาบการหมุนรอบตัวเอง | 6 วัน 9 ชั่วโมง 17 วินาที |
คาบการหมุนรอบดวงอาทิตย์ | 247.7 ปีบนโลก ด้วยความเร็ว 4.70 กิโลเมตรต่อวินาที |
ระนาบโคจร (Inclination) | 17:15 องศา |
แกนเอียงกับระนาบโคจร | 122:46 องศา |
มวล | 0.0022 เท่าของโลก |
เส้นผ่านศูนย์กลาง | 2,324 กิโลเมตร (โลก 12,756 กิโลเมตร ที่เส้นศูนย์สูตร) |
แรงโน้มถ่วง | 0.04 เท่าของโลก |
ความเร็วหลุดพ้น | 1.18 กิโลเมตรต่อวินาที |
ความหน่าแน่น | 1 ต่อ 2.0 เมื่อเทียบกับน้ำ |
ความสว่างสูงสุด | +14 |
ข้อมูลของดาวพลูโตแต่ละตำรา
การค้นพบ | ||||||||
ค้นพบโดย: | ||||||||
ค้นพบเมื่อ: | ||||||||
ชนิดของดาวเคราะห์น้อย: | ||||||||
ลักษณะเฉพาะของวงโคจร | ||||||||
จุดเริ่มยุค J2000 | ||||||||
7,375,927,931 กม. (49.30503287 หน่วยดาราศาสตร์) | ||||||||
4,436,824,613 กม. (29.65834067 หน่วยดาราศาสตร์) | ||||||||
5,906,376,272 กม. (39.48168677 หน่วยดาราศาสตร์) | ||||||||
เส้นรอบวง ของวงโคจร: | 36.530 เทระเมตร (244.186 หน่วยดาราศาสตร์) | |||||||
0.24880766 | ||||||||
366.74 วัน | ||||||||
4.666 กม./วินาที | ||||||||
อัตราเร็วสูงสุด ในวงโคจร: | 6.112 กม./วินาที | |||||||
อัตราเร็วต่ำสุด ในวงโคจร: | 3.676 กม./วินาที | |||||||
17.14175° (11.88° กับศูนย์สูตรดวงอาทิตย์) | ||||||||
110.30347° | ||||||||
113.76329° | ||||||||
จำนวนดาวบริวาร: | 4 | |||||||
ลักษณะเฉพาะทางกายภาพ | ||||||||
เส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ย: | 2,390 กม. (0.180×โลก) | |||||||
1.795×107 กม.² (0.033×โลก) | ||||||||
7.15×109 กม.³ (0.0066×โลก) | ||||||||
มวล: | 1.25×1022กก. (0.0021×โลก) | |||||||
ความหนาแน่นเฉลี่ย: | 1.750 กรัม/ซม.³ | |||||||
ความโน้มถ่วง ที่ศูนย์สูตร: | 0.58 เมตร/วินาที² (0.059 จี) | |||||||
1.2 กม./วินาที | ||||||||
ความเร็วการหมุน รอบตัวเอง: | 47.18 กม./ชม. | |||||||
119.61° | ||||||||
ไรต์แอสเซนชัน ของขั้วเหนือ: | 313.02° (20 ชม. 52 นาที 5 วินาที) | |||||||
เดคลิเนชัน ของขั้วเหนือ: | 9.09° | |||||||
0.30 | ||||||||
| ||||||||
ลักษณะเฉพาะของบรรยากาศ | ||||||||
ความดันบรรยากาศ ที่พื้นผิว: | ||||||||
องค์ประกอบ: | ||||||||
ดาวพลูโต (โมโนแกรม: ) เป็นดาวเคราะห์แคระในระบบสุริยะ อยู่นอกวงโคจรของดาวเนปจูนออกไป ในบริเวณแถบไคเปอร์ มีขนาดเล็กกว่า ดวงจันทร์ 7 ดวงในระบบสุริยะ (ดวงจันทร์ของโลก ไอโอ ยูโรปา แกนีมีด คัลลิสโต ไททัน และไทรตัน) ดาวพลูโตมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2,390 กิโลเมตร มีดวงจันทร์บริวาร 4 ดวง ชื่อ คารอน (มีขนาดประมาณ 1/5 ของพลูโต) นิกซ์ และไฮดรา (2 ดวงนี้ ค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2548) และ S/2011 P 1 หรือ P4
พลูโตเป็นเทพเจ้าแห่งเมืองบาดาลในเทพนิยายโรมัน หรือ เรียกว่า ฮาเดส ในเทพนิยายกรีก สันนิษฐานว่าสาเหตุหนึ่งที่ตั้งชื่อดาวดวงนี้ว่า พลูโต ก็เพื่อให้มีตัวอักษร "P-L" ในชื่อ เพื่อเป็นเกียรติแก่ เปอร์ซิวัล โลเวลล์ ในภาษาไทยอาจเรียกพลูโต ว่า ดาวยม หมายถึง ยมโลก หรือ นรก ซึ่งก็มีความหมายพ้องกับชื่อ พลูโต หรือ ฮาเดส ในตำนานกรีก
การค้นพบพลูโต
ดาวพลูโตถูกค้นพบในปี พ.ศ. 2473 โดยบังเอิญ มีการคำนวณหาตำแหน่งดาวเคราะห์ดวงใหม่ถัดจาก ดาวเนปจูนโดยใช้ฐานข้อมูลการเคลื่อนที่ของดาวยูเรนัสและดาวเนปจูน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จนกระทั่งไคลด์ ทอมบอก์แห่งหอดูดาว โลเวลล์ ในรัฐแอริโซนา ได้ทำการสำรวจท้องฟ้า และพบดาวพลูโตในที่สุดขณะนั้นถือว่าดาวพลูโตเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 9 ที่อยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์มากที่สุด และเป็นดาวเคราะห์ดวงเล็กที่สุด เป็นเวลา 76 ปี ตั้งแต่ พ.ศ. 2473-2549
หลังจากที่ได้ค้นพบดาวพลูโตแล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังคงถกเถียงกันว่า ขนาดของดาวพลูโต เล็กเกินกว่าที่จะรบกวน วงโคจรของดาวเคราะห์ดวงอื่นได้ จะต้องมีดาวเคราะห์ดวงอื่นที่มีขนาดใหญ่กว่า จึงจะรบกวนดาวเนปจูนได้ ดังนั้นการค้นหาดาวเคราะห์ X จึงมีขึ้นต่อไป แต่ก็ไม่มีสิ่งใดถูกค้นพบเพิ่มเติม จนกระทั่ง ยานวอยเอเจอร์ 2 ได้ข้อมูลด้านมวลสารของดาวเนปจูนเพิ่มเติม ข้อถกเถียงดังกล่าวจึงหมดไป โดยไม่จำเป็นต้องมีดาวเคราะห์ดวงที่ 10
อย่างไรก็ตาม ในช่วงทศวรรษล่าสุดมีการค้นพบ วัตถุที่คล้ายดาวพลูโตมากมาย ในบริเวณเดียวกับดาวพลูโตที่เรียกว่า แถบไคเปอร์ และดาวพลูโตก็มีลักษณะไม่สอดคล้องกับกำเนิดของดาวเคราะห์อย่าง ดาวเคราะห์ก๊าซ หรือ ดาวเคราะห์หิน นำมาสู่หัวข้อในที่ประชุมสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ที่กรุงปราก
เปลี่ยนสถานะเป็นดาวเคราะห์แคระ
การโหวตสถานภาพของพลูโตในที่ประชุมสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ที่ประชุมสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล ที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก ซึ่งประกอบด้วยนักดาราศาสตร์กว่า 2,500 คนจาก 75 ประเทศทั่วโลก ได้มีมติกำหนดนิยามใหม่ของดาวเคราะห์คือวัตถุทรงกลมที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ และอยู่ห่างจากดาวรอบข้างในวงโคจรของตัวเองส่งผลให้ดาวพลูโตถูกปลดออกจากการเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ คงเหลือดาวเคราะห์เพียง 8 ดวง เนื่องจากดาวพลูโตไม่สามารถควบคุมแรงดึงดูดและวงโคจรของสิ่งต่างๆ ที่อยู่นอกระบบสุริยะ และให้ถือว่าดาวพลูโตเป็น ดาวเคราะห์แคระ (และวัตถุในระบบสุริยะ (นอกจากดวงอาทิตย์) ได้ถูกจัดใหม่เป็น 3 ประเภท คือ ดาวเคราะห์ ดาวเคราะห์แคระ และวัตถุขนาดเล็กในระบบสุริยะ)
การประชุมเพื่อถกเถียงเรื่องสถานภาพของดาวพลูโต ใช้เวลากว่า 1 สัปดาห์
ผลที่ได้จากการลงมติ ทำให้ดาวพลูโตหลุดออกจากดาวเคราะห์ในระบบสุริยะดวงที่ 9 หลังจากอยู่ในระบบสุริยะมานานถึง 76 ปี รวมไปถึง อีริส ดวงที่ 10 ที่นาซ่าเป็นผู้ค้นพบ กลายเป็นดาวเคราะห์แคระ
นักดาราศาสตร์หลายคนมีความเห็นคัดค้านในเรื่องนี้ แต่ก็จำเป็นต้องยอมรับกับการที่มนุษย์ได้มีความรู้ในระบบสุริยะมากขึ้น ได้เห็นหลายสิ่งเพิ่มขึ้นจากอดีต
ดาวพลูโตอยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์มากและได้รับแสงน้อย จึงมีอุณหภูมิต่ำมาก นักดาราศาสตร์จะได้ศึกษาดาวพลูโต และวัตถุในแถบไคเปอร์อย่างละเอียดในปี พ.ศ. 2558 เมื่อยานนิวฮอไรซันส์ของนาซา ซึ่งถูกปล่อยเมื่อวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2549 เดินทางไปถึงวงโคจรของดาวพลูโต ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2558 ซึ่งยานจำเป็นต้องไปให้ทันเวลา เพื่อให้ทันต่อการศึกษาวิจัยดาวพลูโต เพราะหากเมื่อดาวพลูโตมีวงโคจรห่างไกลจากดวงอาทิตย์ ดาวพลูโตจะเข้าสู่ฤดูหนาวยาวนานถึง 62 ปี และจะทำให้บรรยากาศกลายเป็นน้ำแข็งและร่วงลงสู่ผิวดาว ทำให้ไม่สามารถวิจัยบรรยากาศของดาวที่แท้จริงได้ และจะทำให้เสียองค์ประกอบทางด้านเคมีที่สำคัญในการวิจัยไป รวมถึง อุณหภูมิ ลม และโครงสร้างบรรยากาศของดาวไปด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น